วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สีฝุ่นเทมเพอรา


พระแม่มารีและพระบุตรโดยดุชโช, เทมเพอราและทองบนไม้, ค.ศ. 1284, เซียนา

ภาพเขียนสีฝุ่นเทมเพอราบนไม้โดยนิคโคโล เซมิเทโคโล ค.ศ. 1367
สีฝุ่นเทมเพอรา (อังกฤษ: tempera, egg tempera) เป็นสิ่งที่ใช้ในการเขียนภาพที่แห้งง่ายและถาวรที่ประกอบด้วยรงควัตถุผสมกับของเหลวที่เป็นตัวเชื่อม (มักจะใช้สารกลูเตน (Gluten)) เช่นไข่แดงหรือสารที่เป็นตัวเชื่อม (Sizing) อื่นๆ นอกจากนั้นเทมเพอราก็ยังหมายถึงจิตรกรรมที่เขียนด้วยสารผสมดังกล่าวด้วย การเขียนด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่ทำให้ภาพที่เขียนมีอายุยืนนานเช่นภาพที่เขียนในคริสต์ศตวรรษที่หนึ่งก็ยังมีอยู่ให้เห็น เทมเพอราที่ผสมด้วยไข่เป็นวิธีที่ใช้ในการเขียนภาพโดยทั่วไปมาจนหลังคริสต์ศตวรรษที่ 16 เมื่อมาแทนที่ด้วยการเขียนด้วยสีน้ำมัน เทมเพอราอีกประเภทหนึ่งที่ผสมระหว่างรงควัตถุกับสารที่เป็นกาวที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและมักจะเรียกโดยผู้ผลิตในสหรัฐอเมริกาว่าสีโปสเตอร์

ประวัติ

การเขียนจิตรกรรมเทมเพอราพบมาตั้งแต่การเขียนตกแต่งโลงหินสมัยอียิปต์โบราณ ภาพเหมือนมัมมีเฟยุม (Fayum mummy portraits) หลายภาพก็เขียนด้วยเทมเพอราและบางครั้งก็ผสมกับจิตรกรรมขี้ผึ้งร้อน (Encaustic painting) การเขียนด้วยวิธีดังว่านี้เป็นวิธีที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยคลาสสิค และเป็นวิธีเขียนหลักในการเขียนจิตรกรรมแผง และ หนังสือวิจิตรของไบแซนไทน์และในยุคกลาง และ ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนต้นในยุโรป จิตรกรรมเทมเพอราเป็นวิธีเขียนหลักของจิตรกรรมแผงที่ใช้โดยจิตรกรแทบทุกคนในยุคกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนต้นมาจนถึงปี ค.ศ. 1500 ตัวอย่างเช่นงานเขียนของงานเขียนจิตรกรรมแผงทุกชิ้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่โดยไมเคิล แอนเจโลเป็นงานเขียนเทมเพอราผสมไข่
สีน้ำมันที่อาจจะมาจากอัฟกานิสถานระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง คริสต์ศตวรรษที่ 9[1] และแพร่เข้ามาทางตะวันตกในยุคกลาง[2] ในที่สุดก็มาแทนที่เทมเพอราระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 15 ในจิตรกรรมยุคเนเธอร์แลนด์ตอนต้นทางตอนเหนือของยุโรป ราวปี ค.ศ. 1500 สีน้ำมันก็มาแทนที่เทมเพอราในอิตาลี ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ถึง คริสต์ศตวรรษที่ 20 ก็มีการฟื้นฟูการเขียนด้วยเทมเพอราขึ้นมาเป็นช่วงๆ ในการศิลปะตะวันตก เช่นในกลุ่มจิตรกรพรีราฟาเอลไลท์, จิตรกรสัจนิยมต่อสังคมและอื่นๆ จิตรกรรมเทมเพอรายังคงเป็นวิธีเขียนในกรีซและรัสเซียที่เป็นวิธีที่ระบุว่าต้องใช้ในการเขียนไอคอนของอีสเติร์นออร์โธด็อกซ์

 วิธีเขียน

เทมเพอราเดิมทำโดยการบดรงควัตถุที่เป็นผงแห้งลงไปพร้อมกับสิ่งที่ผสานสีกับพื้นผิวที่ทาเช่นไข่, กาว, น้ำผึ้ง, น้ำ, นมในรูปของcasein หรือ ต้นยางต่างๆ
การเขียนก็เริ่มด้วยการนำรงควัตถุปริมาณเล็กน้อยบนจานสี จาน หรือ ชาม และเติมสารที่เป็นตัวเชื่อมราวเท่าตัว และทำการผสม ปริมาณของสารเชื่อมก็แล้วแต่สีที่ใช้ จากนั้นก็เติมน้ำกลั่น

เทมเพอราไข่


พระกระยาหารมื้อสุดท้ายโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี, เทมเพอราบนชอล์ค, ค.ศ. 1495–ค.ศ. 1498

บานพับภาพทาร์ลาที” โดยเปียโตร ลอเร็นเซ็ตติ, เทมเพอราและทองบนแผง, ค.ศ. 1320
วิธีการเขียนเทมเพอราที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดคือ “เทมเพอราไข่” วิธีการผสมแบบนี้จะใช้เฉพาะไข่แดง ส่วนผสมก็จะได้รับการปรับไปเรื่อยๆ เพื่อรักษาดุลย์ระหว่าง “ความมัน” และ “ความใส” ที่ต้องการ โดยการปรับปริมาณไข่และปริมาณน้ำ เมื่อเทมเพอราเริ่มแห้งจิตรกรก็จะเติมน้ำเพื่อรักษาระดับความข้นที่ต้องการเอาไว้ และป้องกันการแห้งตัวของไข่แดงเมื่อปะทะอากาศ
วิธีผสมแบบอื่นอาจจะใช้เฉพาะไข่ขาว หรือ ทั้งไข่ขาวและไข่แดงเพื่อให้ได้ผลที่ต้องการ บางครั้งก็อาจจะเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ เช่นน้ำมัน หรือขี้ผึ้งเหลว ตัวอย่างการเติมน้ำมันก็จะไม่เกินอัตรา 1:1 ทำให้ได้ผลไปอีกแบบหนึ่งและทำให้สีไม่หนา

รงควัตถุ

รงควัตถุที่ใช้โดยจิตรกรในยุคกลางเช่นสีแดงชาดเป็นสีที่เป็นพิษ จิตรกรส่วนใหญ่ในปัจจุบันใช้สีสังเคราะห์ ที่มีความเป็นพิษน้อยกว่าแต่ให้สีที่คล้ายคลึงกับสีที่ทำจากรงควัตถุตามวิธีเดิม แต่กระนั้นรงควัตถุสมัยใหม่บางสีก็ยังเป็นสารอันตรายฉะนั้นการเก็บรักษาต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง เช่นเก็บสีในสภาพที่เปียกเพื่อป้องกันการหายใจฝุ่นสีเข้าไป

 การใช้

สีเทมเพอราจะแห้งอย่างรวดเร็ว การใช้ก็มักจะทาบางๆ กึ่งใส หรือ ใส การเขียนเทมเพอราเป็นวิธีการเขียนที่เที่ยงเมื่อใช้วิธีการเขียนที่ทำกันมาที่ใช้การวาดด้วยฝีแปรงสั้นๆ ถื่ๆ ไขว้กัน เมื่อแห้งจะทำให้ดูเหมือนมีผิวเรียบ สีเทมเพอราใช้ได้แต่เพียงบางๆ เช่นสีน้ำมันที่ทาได้เป็นชั้นหนาๆ หลายชั้นจิตรกรรมสีเทมเพอราจึงแทบจะไม่มีภาพเขียนที่มีสีที่เรียกว่าลึกเหมือนกับสีน้ำมัน ซึ่งทำให้จิตรกรรมสีเทมเพอราที่ไม่ได้เคลือบเงาดูเหมือนสีพาสเทล แต่ถ้าเคลือบน้ำมันแล้วก็จะทำให้สีดูเข้มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันสีเทมเพอราจะไม่เปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา[3]เหมือนสีน้ำมันที่จะเข้มขึ้นและออกเหลือง และใสขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้น[4]

พื้นผิว

สีเทมเพอราจะติดพื้นผิวที่ซับความชื้นที่มีระดับ “น้ำมัน” ต่ำได้ดีกว่าถ้าใช้สารที่เป็นตัวเชื่อม[5] (ตามสูตรที่ว่า “ไขมันมากกว่าเนื้อ”[6] พื้นที่เขียนเดิมส่วนใหญ่จะเป็นชอล์ค (gesso) ที่ไม่ยืดหยุ่น และซับสเตรตที่มักจะแข็งเช่นกัน[7] โดยทั่วไปแล้วก็จะใช้แผงไม้เป็นซับสเตรต หรือ กระดาษหนาก็ใช้ได้

จิตรกรเทมเพอรา

แม้ว่าเทมเพอราจะหมดความนิยมไปแล้วตั้งแต่ปลายยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาและสมัยบาโรก แต่กระนั้นก็ยังมีจิตรกรรุ่นต่อมาที่พยายามฟื้นฟูขึ้นมาใช้อีกครั้ง เช่นวิลเลียม เบลค, ผู้นำของกลุ่มขบวนการนาซารีน, พรีราฟาเอลไลท์ และ โจเซพ ซัทธัล ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 20 การเขียนเทมเพอราก็ได้รับการฟื้นฟูกันขึ้นมาอีกครั้ง เช่นในงานเขียนของGiorgio de Chirico, Otto Dix และ Pyke Koch;[8]

ระเบียงภาพ

 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ
         ทอดมันข้าวโพด เมนูทานเล่นที่แม้แต่เด็กๆ ก็สามารถ
ช่วยคุณแม่ทำได้ แถมทอดออกมายังเป็นสีเหลืองทอง
น่ารับประทานอีกด้วยค่ะ

ข้าวโพดเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับหมูสับ เมื่อนวดเข้ากันกับเครื่องปรุงต่างๆแล้วนำลงทอดก็พร้อมรับประทานได้ทันที เมนูนี้สำหรับคุณแม่บ้านที่ต้องการความรวดเร็วในการทำอาหาร แถมได้ประโยชน์จากข้าวโพดอีกด้วย
ส่วนผสมทอดมันข้าวโพด
ส่วนผสมสำหรับ 3-4 ท่าน
  • 1. หมูสับ 200 ก.
  • 2. เมล็ดข้าวโพดต้มสุก 150 ก.
  • 3. ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • 4. แป้งทอดกรอบ 5 ชต.
  • 5. รากผักชีสับละเอียด 1 ชช.
  • 6. กระเทียมสับละเอียด 1 ชช.
  • 7. พริกไทยป่น ½ ชช.
  • 8. น้ำตาลทราย ½ ชต.
  • 9. ซีอิ๊วขาว 1 ชต.
  • 10. น้ำมันหอย 1 ชต.
  • 11. น้ำมันปาล์ม 1 ถ้วย
  • 12. ซอสมะเขือเทศ / น้ำจิ้มบ๊วย
วิธีทำทอดมันข้าวโพด
  1. นำส่วนผสมทั้งหมดเทลงในชามผสม (ยกเว้น น้ำมัน และน้ำจิ้มบ๊วย ซอสมะเขือเทศ) นวดให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน
  2. ตั้งน้ำมันให้ร้อนปานกลาง แตะน้ำเปล่าที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง ปั้นทอดมันเป็นชิ้นกลมจากนั้นกดให้แบน นำลงทอดให้สีเหลืองทอง ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มบ๊วยหรือซอสมะเขือเทศ

 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ
         สูตรอาหารลดน้ำหนัก : สลัดเห็ดและผักโขม

 สูตรอาหารลดน้ำหนัก : สลัดเห็ดและผักโขม

  ส่วนผสม : สำหรับ 4 ท่าน

  1. เบคอน 4 ชิ้น
  2. ไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำสลัด
  3. น้ำตาลทรายขาว 2 ช้อนชา
  4. น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
  5. น้ำ 2 ช้อนโต๊ะ
  6. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  7. ผักโขม 1/2 กิโลกรัม
  8. เห็ดหอม 2 ขีด

 

 

วิธีทำ สลัดเห็ดและผักโขม

  • ทอดเบคอนกับกะทะโดยไม่ใช้นำมัน ใช้ไฟปานกลางในการทอด ทอดจนเบคอนสุกเป็นสีน้ำตาล แบะนำมาวางทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
  • ต้มไข่ให้สุก ใช้เวลาประมาณ 7-10 นาทีในการต้มไข่ ปอกไข่และหั่นไข่แบ่งครึ่งเตรียมไว้
  • นำเบคอนที่สะเด็ดน้ำมันแล้วมาทอดบนกะทะโดยไม่ใช้น้ำมันอีกครั้ง คราวนี้ใช้ไฟอ่อน และปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำส้มสายชู เกลือ
  • นำผักโขมที่ล้างจนสะอาดแล้วมา หั่น และใส่ลงในชามสลัด ราดด้วยน้ำสลัดตามชอบ คลุกผักและน้ำสลัดให้เข้ากันเติมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย คลุกเคล้าจนเข้ากัน
  • ตกแต่งจานสลัดด้วย ไข่ และโรยเบคอนที่เตรียมไว้ และโรยเห็ดหอมที่เตียมไว้

ข้อมูลทางโภชนาการสำหรับสูตรอาหารลดน้ำหนัก : สลัดเห็ดผักโขม
Calories : 126 Total Fat : 6.8 g Cholestsrol : 116 m

 สูตรอาหารลดน้ำหนัก : สลัดเห็ดและผักโขม 

ที่มา : สูตรอาหารลดน้ำหนัก www.108health.com
เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ

 


        
Raspberry Sorbet ราสเบอร์รี่ เชอร์เบท ช่วงหน้าร้อนแบบนี้
ไม่มีอะไรดีไปกว่าไปอยู่บ้านแล้วก็ทานไอศครีมที่เราทำเอง
ไอศครีมแสนอร่อยที่ทานได้ทั้งครอบครัว

 




ไอศครีมชนิดที่มีส่วนผสมมาจากผลไม้ หรือไวน์กับน้ำเชื่อม
 เนื้อของ sorbet ถ้าจะให้นุ่มต้องแช่ให้แข็งและทำให้แตก
จากกันให้เป็นเนื้อที่นุ่มด้วยการใช้ เครื่องทำไอศครีม  
หรือการขูดด้วยส้อม
เครื่องมือ
  • 1. หม้อ
  • 2. ทัพพีไม้
  • 3. มีด
  • 4. เขียง
  • 5. ตะแกรงกรอง
  • 6. ภาชนะใส่ไอศกรีมเข้าตู้เย็น
  • 7. ที่ตักไอศครีม
ส่วนผสม Sorbet
  • 1. น้ำตาล 90 กรัม
  • 2. น้ำ 220 กรัม
  • 3. น้ำมะนาว 15 กรัม 
  • 4. ราสเบอรี่แช่แข็ง 300 กรัม
  • 5. Strawberry สด (สำหรับแต่ง)
ส่วนผสม Raspberry Coulis
  • 1. ราสพ์เบอร์รี่สด 200 กรัม หรือ ราสพ์เบอร์รี่แช่แข็ง 150 กรัม
  • 2. น้ำ 15 กรัม
  • 3. น้ำตาล 10 กรัม
วิธีทำราสเบอร์รี่ เชอร์เบท
Sorbet
  • 1. เทน้ำ + น้ำตาล + ราสพ์เบอร์รี่แช่แข็งลงในหม้อ
  • 2. ตั้งไฟจนเดือด คนด้วยทัพพีไม้
  • 3. นำมากรองบนตะแกรง
  • 4. เทน้ำมะนาวที่เตรียมไว้ผสมลงในน้ำราสพ์เบอร์รี่
  • 5. เพิ่มกลิ่นด้วยผิวเลม่อน (ถ้ามี)
  • 6. เทใส่ภาชนะที่มีฝาปิด วางทิ้งไว้จนเย็น แล้วค่อยปิดฝา 
  • นำแช่ในช่องแช่แข็ง
Raspberry Coulis (dessert sauce) 
  • 1. เทน้ำ น้ำตาล ราสพ์เบอร์รี่แช่แข็งลงในหม้อ
  • 2. คนด้วยทัพพีไม้จนเดือด
  • 3. นำกรองแยกน้ำ นำน้ำราสพ์เบอรี่ที่ได้มาเคี่ยวตั้งไฟอีกรอบ ใช้ไฟอ่อน 
  • คนเรื่อยๆจนเริ่มเหนียว
  • 4. เทใส่ชามพักไว้จนเย็น แล้วนำเข้าตู้เย็น
วิธีการตัก Sorbet เสริฟ
  • 1. ตัก Sauce ราดบน Sorbet ที่แข็งดีแล้ว ( 1 ชต. Sauce ต่อ 1 ก้อน Sorbet)
  • 2. ใช้ที่ตักไอศกรีมตักขูด Sorbet จนเป็นก้อนไอศกรีม
  • 3. จัดเสริฟตามใจชอบ
  เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ
         เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ : เค้กแครอทไขมันต่ำ

นี่คือเค้กแครอทรสชาติเยี่ยม สามารถทำเองได้ง่าย

และทำให้คุณอร่อยกับรสชาติของเค้กชิ้นนี้

ถ้าหากรับประทานพร้อมๆกับการจิบชา

 

เวลาในการเตรียมการปรุง : 20 นาที
เวลาที่ใช้ในการทำ : 40 นาที
รวมเวลาในการทำ : 1 ชั่วโมง






ส่วนผสม:

     แป้งเค้ก 1 ถ้วยตวง
     แป้งข้าวสาลี 1 ถ้วยตวง
     โซดา 2 ช้อนชา
     อบเชย 1 ช้อนชา
     จันทน์เทศป่น 1/2 ช้อนชา
     ไข่ขาวจากไข่ไก่ 4 ฟอง
     น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง
     แอปเปิ้ลซอส 1 ถ้วยตวง ( แบบไม่หวาน )
     เนยไขมนต่ำ 1/2 ถ้วยตวง
     วานิลลาสกัด 1/2 ช้อนชา
     สับปะรดบดเนื้อ 8 ออนซ์
     แครอทขูดฝอย 2 ถ้วยตวง
     ลูกเกด 1/2 ถ้วยตวง
     วอลนัทป่น 1/4 ถ้วยตวง
     ครีมชีส   1/4 ถ้วยตวง
     ครีมชีสไขมันต่ำ 1/4 ถ้วยตวง
     น้ำตาลทรายไขมันต่ำ 1/2 ถ้วยตวง
     น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
     ชาวานิลลา 1/2 ช้อน

การเตรียมเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ : เค้กแครอทไขมันต่ำ


ใช้ไฟในการอบที่ 350 องศา ใช้ถาดขนาด 13*9 นิ้ว

ผสมแป้ง, โซดา, อบเชย, และจันทน์เทศป่นในชามขนาดใหญ่ และคลุกเคล้าให้เข้ากัน หลังจากนั้นใช่ถ้วยอีกใบตีไข่ขาวผสมกับน้ำตาลจนเข้ากันได้ที่ ตามด้วย ซอสแอปเปิ้ล, เนยไขมันต่ำ และวานิลลา และค่อยๆผสมแป้งลงไปค่อยๆคนจนแป้งและไข่เข้ากัน และค่อยๆใส่สับปะรดแครอทลูกเกดและวอลนัทตามลงไป คนจนทุกอย่างเข้ากันและนำเข้าเตาอบ ใช้เวลาในการอบ 35-40 นาที ที่ไว้ให้เย็นก่อนที่จะเคลือบด้วยน้ำตาล

สำหรับเน้ำตาลที่ใช้เคลือเค้ก:

ตีครีสชีสผสมกับน้ำมะนาวและวานิลลา เพิ่มผงน้ำตาลไขมันต่ำลงไปตามความต้องการ หลังจากนั้นก็เทลงบนเค้กที่เย็นแล้ว

ตัดเค้กเป็นสี่เหลี่ยม แข่งออกเป็น 16 ชิ้น




เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ : เค้กแครอทไขมันต่ำ
เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ

 
         เมนูอาหารเพื่อสุขภาพวันนี้ จะประกอบไปด้วยเห็ดห้าชนิด คือ เห็ดหูหนู 
เห็ดหูหนูขาว เห็ดฟาง เห็ดหอมสด เห็ดนางฟ้า เห็ดที่กล่าวมาข้างต้น เป็นอาหาร
ที่มีคอเลสเตอรอลน้อย รสชาติอร่อย และยังไขมันต่ำอีกด้วย






ส่วนผสม : เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ 

ยำเห็ดห้าสหาย

กุ้งสด 3 ขีด
เห็ดฟางผ่าสี่ 1 ขีด
เห็ดหอมสดผ่าสี่ 1 ขีด
เห็ดนางฟ้าฉีกตามยาว 1 ขีด
เห็ดหูหนูขาวแช่น้ำพอนิ่ม 1 ขีด
เห็ดหูหนูสด หั่นเป็นชิ้นๆ 1 ขีด
หอมใหญ่หั่นตามยาว 1/2 ถ้วย
ขึ้นฉ่ายตัดเป็นท่อนๆ 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 1/2 ถ้วย
น้ำปลา 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
ผักชี ใบสะระแหน่เด็ดเป็นช่อๆ 1/4 ถ้วย

วิธีทำอาหาร

1. แช่กุ้งในน้ำและล้างให้สะอาด ผ่าหลังกุ้งและปอกเปลือก นำกุ้งไปลวกในน้ำเดือด
จากสุกเป็นสีส้ม หลังจากนั้นน้ำเห็ดที่ล้างแล้วมาลวกโดยการลวกทีละอย่าง เห็ดหูหนูขาว
ใช้เวลาในการลวกไม่นาน เมื่อลวกเห็ดเสร็จ ก็ทำน้ำของยำ การผสมน้ำตาล พริกขี้หนู
น้ำมะนาว น้ำปลา คลุกเคล้าจนเข้ากัน ชิมรสชาติและปรุงรสตามชอบ
  
2. นำเห็ดที่ลวกแล้วทั้งหมด มาคลุกกับผักขึ้นฉ่าย กุ้งที่ลวกแล้ว และหอมใหญ่ซอย
ตามด้วยราดน้ำยำ โรยหน้าด้วยใบสาระแหน่กับผักชีก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย....
เมนูนี้มีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆมากมายโดยที่เกลือโซเดียมน้อย และเห็ดแต่ละชนิด
มีสรรพคุณต่างๆที่มีประโยชน์ต่อร่างๆกาย เช่น เห็ดหอมมีสรรพคุณช่วยลดไขมัน
ในเส้นเลือด เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ต่อต้านไวรัสและมะเร็ง เห็ดหูหนู ช่วยป้องกัน
การเกิดโรคกระเพาะ ช่วยระบบขับถ่ายดีขึ้น ป้องกันริดสีดวง เห็ดหูหนูขาว เสริมสร้าง
ปอดให้แข็งแรงและมีผลดีกับไต เห็ดฟาง มีวิตามินเคช่วยสมานแผลและรักษาสมดุล
ความดันโลหิต เห็ดเหล่านี้มีประโยชน์มากมาย และยังรสชาติดีอีกด้วย
 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ
         สูตรอาหารง่ายๆที่ท่านสามารถทำได้เองที่บ้าน แม้จะอยู่ในช่วงลดน้ำหนักท่านก็สามารถรับประทานได้เต็มที่เพราะว่าปลากระพงขาวเป็นอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ

เครื่องปรุงที่ใช้

เนื้อปลากะพงขาว น้ำหนัก 70 กรัม 2 ชิ้น
กระเทียมซอย 2 ช้อนโต๊ะ ช่วยเพิ่มรสชาตและความหอม
ตะไคร้ซอย 3 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต๊ะ
รากผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยดำ 1 ช้อนชา นี่คือสูตรลับที่จะทำให้อาหารมีรสชาติไม่เหมือนใคร
สะระแหน่ เด็ดเป็นช่อ 2 ช่อ
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา สามารถใช้น้ำตาลเทียมได้สำหรับผู้เป็นโรคเบาหวาน
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ

 

เมนูอาหารไขมันต่ำรสแซ่บ : พล่าปลากระพงขาว

ขั้นตอนการอาหาร

1. ล้างเนื้อปลาให้สะอาด วางไว้บนตะแกรงให้แห้ง ช่วงรอ เราก็ไปโขลกรากผักชี พริกไทยดำ และเกลือเข้าด้วยกัน
2. นำเนื้อปลาที่แห้งแล้วใส่ถ้วยและคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงที่ทำมาในข้อ 1 คลุกจนเข้ากัน และหมัก 30 นาที จัดวางใส่จาน นำไปนึ่ง ใช้ไฟแรงในการนึ่ง และนึ่งจนสุก ( ประมาณ 15 นาที )
3. ผสมพริกขี้หนู กระเทียม ตะไคร้ ใบมะกรูด คลุกเข้าเข้ากัน ค่อยผสม น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาล เข้าด้วยกันในระหว่างการคลุก
เมื่อทำเสร็จราดบนเนื้อปลานึ่ง ปิดท้ายด้วยการโรยสะระแหน่ เพิ่มความหอม...เพียงแค่นี้ท่านก็ได้เมนูอาหารสุดวิเศษพร้อมเสริฟแล้วล่ะครับ

สูตรอาหารนี้ท่านสามารถทำได้เองที่บ้าน ด้วยความปรารถนาดีจาก  

ที่มา : เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ สูตรอาหารลดน้ำหนัก : www.108health.com http://www.108health.com/108health/index.php